hellojenuine วิจารณ์หนัง รีวิวหนัง 2023

ซีรีส์จีนฟอร์มยักษ์ หงสาประกาศิต The Rise of Phoenixes ที่ตั้งแต่ว่าเริ่มฉายก็เป็นกระแสกล่าวถึงใน Weibo หนักมากมาย สร้างขึ้นจากนิยายมีชื่อ เรื่องย่อมีอยู่ว่า ดารานำชายเป็นองค์ชายที่สูญเสียแม่ตั้งแต่เกิด แต่ว่าด้วยความฉลาดเฉลียวก็เลยสามารถเอาชีวิตรอดรวมทั้งปรับปรุงแก้ไขเหตุการณ์ได้ ส่วนนางเอกเป็นคนเดินดิน แม้กระนั้นได้เปลี่ยนมาเป็นคู่ปรับกัน นอกเหนือจากนี้เรื่องราวจะเน้นย้ำไปที่ ศึกชิงบัลลังก์ของเหล่าองค์ชาย การล่มสลายของราชวงค์ต้าเฉิง ต่อสู้กันอย่างเข้มข้น บอกเลยว่าเรื่องราวโคตรสนุก ทั้งยังการวางเป้าหมาย ทำลาย เกมส์กลับ หักมุม แล้วก็ที่สำคัญ ภาพงามมากมายกกก หากเริ่มมองบอกเลยว่า ติดงอมแงมแน่ๆ มองยาวๆไป

เนื้อเรื่องย่อหงสาประกาศิต

นื่อเรื่องจะได้ความในสมัยการทำศึกระหว่างแว่นแคว้น เมื่อสกุลหนิงที่วงศ์สกุลเทียนเชิ่งได้ลบล้างวงศ์สกุลต้าเฉิง แล้วต่อจากนั้นก็แต่งตั้งความโหฬาร ขึ้นปกครองแผ่นดิน แม้กระนั้นสำหรับเพื่อการช่วงชิงแผ่นดินคราวนี้ กลับมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอันซับซ้อน หนิงอี้ องค์ชายหก ผู้อ่อนโยนใจเย็นแล้วก็มีปัญญาลึกซึ้ง แต่ว่าเขาถูกฮ่องเต้สั่งจองจำอยู่ในวัดเหตุเพราะถูกกล่าวร้ายว่าเกี่ยวพันกับคดีการก่อกบฏขององค์ชายสามซึ่งเป็นพี่ชายของเขา หลังจากนั้นเขาดำรงชีวิตทุกๆวันไปกับการทอผ้าขายจนถึงดูเหมือนกับว่าผู้ที่ไม่คิดพอใจชิงอำนาจในวังอีก แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วเขาปิดบังความแค้นแล้วก็คิดแผนจัดแจงศัตรูที่ขัดขวางตนทุกคน จนกระทั่งจังหวะก็มาถึง เมื่อเขาได้สร้างผลงานด้วยการใช้เงินที่ได้จากแนวทางการขายผ้ามาช่วยเหลือราชสำนักขจัดปัญหาน้ำท่วม ทำให้ได้รับการอภัยโทษ รวมทั้งเกิดเหตุการณ์ที่หน่วยงานมือสังหารของวงศ์สกุลเทียนเชิ่งในอดีตกาลที่ชื่อว่า กรุ๊ปเจดีย์เลือด ได้ลุกขึ้นยืนมาก่อการ หนิงอี้ก็เลยใช้โอกาสนี้แสวงหาเบื้องหน้าเบื้องหลังว่าคนไหนเป็นผู้คิดแผนยัดเยียดข้อหาองค์ชายสามเพื่อหาทางเอาคืน

รีวิวซีรี่ย์จีน หงสาประกาศิต The Rise of Phoenixes

หงสาประกาศิต ถือได้ว่าซีรีส์จีนแนวย้อนยุคเรื่องแรกที่ Netflix ตกลงใจซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาโดยตรง ซึ่งจริงๆแล้วตัวซีรีส์เองก็สำเร็จงานที่มีกระแสมากมายตอนที่ออกฉายอยู่แล้ว โดยมีการทุ่มทุนสร้างสุดยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่ง มีความยาวสูงถึง 70 ตอน ตัวโปรดักชั่นนอกเหนือจากได้ผลสำเร็จงานฟอร์มยักษ์แล้ว ในด้านผู้แสดงยังได้ดารายอดนิยมที่สะดุดตา เป็นดาราหนังรวมทั้งนักร้องชายหนุ่มมาแรงอย่าง เฉินระอุน รวมทั้งศิลปินสาวอปิ้ง หนีหนี่ มารับบทนำ ในช่วงเวลาที่บทผู้แสดงรอง ก็ได้ศิลปินอาวุโสมากมายความสามารถอาทิเช่น หนีต้าหง ที่คนจำนวนไม่น้อยบางทีอาจชินตามาก่อนจากหน้าที่การแสดงเป็น สุมาอี้ ในซีรีส์ฟอร์มยักษ์อย่าง “สามก๊ก 2010” โดยเหตุนั้นก็เลยนับว่าในส่วนของกลุ่มผู้แสดงได้จัดเต็มมากมายสำหรับซีรีส์ประเด็นนี้ ที่ตรงนี้ก็ไม่น่าฉงนใจว่าเพราะอะไร Netflix ถึงได้คาดหมายนัก

ในส่วนของโครงเรื่องรวมทั้งการดำเนินเรื่อง จะย้ำไปที่การชิงไหวชิงพริบเพื่อสำเร็จตามเป้าหมายของแต่ละข้าง และก็การยื้อแย่งอำนาจในราชสำนัก ที่ทุกฝ่ายพร้อมจะทรยศกันหรือร่วมมือกันได้ แม้เพื่อจุดหมายหรือผลประโชน์ของตัวเอง นี่ก็เลยไม่ใช่เรื่องที่เน้นย้ำแนวโรมานซ์เท่าไรนัก ซึ่งนับได้ว่าเป็นจุดเด่นเลยขอรับ แล้วถ้าเกิดเทียบกับเรื่องแนวนี้ในตอนนับเป็นเวลาหลายปีข้างหลัง จัดว่าประเด็นนี้ทำออกมาก้าวหน้ามากมายๆแม้ว่าจะมีบทบางในระหว่างที่มองไม่สมเหตุผลหรือง่ายเหลือเกินบ้าง แต่ว่าในรูปภาพรวม รวมทั้งฉากหลักๆก็ทำออกมาได้ลุ้นดีนะครับว่าเหล่านักแสดงในเรื่องจะแก้เกมกันอย่างไร

สำหรับจุดแข็งของเหล่าผู้แสดงในเรื่องก็คือ หน้าที่ของคู่ดารานำชาย–นางเอก เพราะว่า หนิงอี้แล้วก็เฟิ่งจื่อเว่ย ต่างก็เฉลี่ยวฉลาดรวมทั้งมีไหวพริบปฏิภาณสำหรับการขจัดปัญหากันทั้งสอง เพียงในระยะแรก เฟิ่งจื่อเว่ย ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเหตุการณ์ภาพรวมเท่าไร ทำให้ตกลงใจด้วยความใจเร็วพอเหมาะพอควร เนื่องจากปัญหาตอนแรกเกี่ยวเนื่องกับชีวิตของครอบครัวตัวเองด้วย แต่ว่าภายหลังนางเอกของพวกเราพอเข้าใจเหตุการณ์และก็รับทราบแล้วว่าชีวิตตัวเองอยู่ในอันตรายแค่ไหน รวมทั้งอีกข้างพร้อมจะใช้ทุกแนวทางแค่ไหน คุณก็เริ่มใช้เชาวน์หาทางคุ้มครองแล้วก็เอาชีวิตรอดได้มากขึ้นเรื่อยนี่ก็เลยเป็นนางเอกที่ผู้ชมจะหลงเสน่ห์ได้ในระดับหนึ่ง

ส่วนข้อเสียจะมีอยู่บ้างก็ตรงที่คาแรคเตอร์ของผู้แสดง หนีนี่ ในด้านของบทรวมทั้งการแสดงออก คุณไม่ใช่ดาราหรือนักแสดงสายน่ารักน่าเอ็นดูหรือสายแบ๊วเท่าไรนัก เพราะว่าแม้กระทั้งในช่วงเวลาที่คุณประพฤติตัวน่ารักน่าเอ็นดู แต่ว่าท่าทางก็ยังแสดงออกถึงความแข็งแกร่งรวมทั้งฉลาดมาก เพราะฉะนั้นคนไหนกันที่ถูกใจมองนางเอกใบหน้าสวยๆเลยบางทีอาจจะรู้สึกแปลกๆแต่ว่าในด้านความสมจริงสมจังแล้วก็ความเข้มข้นสำหรับในการดำเนินเรื่อง นับว่านักแสดงผ่านเลยนะครับ แล้วในหลายตอน นางเอกก็ทราบแนวทางที่จะ “อยู่เป็น” หรือตีเนียน ท่ามกลางเหล่าคนมีอำนาจที่พร้อมฆ่าบุคคลอื่นได้อย่างง่ายดาย

ในฝั่งของผู้แสดงนำชาย การดำเนินเรื่องก็จะคู่ขนานกันแม้กระนั้นก็จะเชื่อมโยงกับบทของนางเอกเรื่อยเมื่อนักแสดงหนิงอี้ก็จำเป็นต้องพบเจอกับการฉกชิงอำนาจในราชสำนักที่ก็มีความร้ายแรงและก็ทุกคนพร้อมจะใช้ทุกแนวทางการเช่นเดียวกัน ที่ตรงนี้คนไหนกันถูกใจดารานำชายที่เฉลี่ยวฉลาดๆหรือตีเนียนเก่งๆเอาชีวิตรอดเป็น มีทิศทางที่จะถูกใจประเด็นนี้ครับผม แล้วตัวหนิงอี้ก็เป็นตัวเอกชนิดที่พร้อมจะใช้กระบวนการสายดาร์กเพิ่มมากขึ้นเพื่อไปถึงเป้าหมายของตนเอง

ด้วยเหตุนี้ในรูปภาพรวมการดำเนินเรื่องก็เลยเป็นลักษณะที่พวกเราจำเป็นต้องลุ้นไปว่า แล้วผู้แสดงนำทั้งคู่คนจะยังอุดหนุนกันไปได้ตลอดรอดฝั่งไหม แล้วระหว่างนั้นความรักของพวกเขามันจะบรรจบกันได้ไหม ในเมื่อยิ่งนานวันเข้า ทั้งคู่คนก็ยิ่งเลือกทางเท้าที่คู่ขนานกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไปด้วย อีกจุดที่ประเด็นนี้ทำเป็นออกจะเด็ดขาด ก็คือการกำจัดนักแสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรก บางนักแสดงที่พวกเรามิได้คาดการณ์ว่าจะตายหรือถูกกำจัดกล้วยๆแม้กระนั้นบทจะไปก็ไปกันแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งก็เหมือนจริงดีกับเหตุการณ์แย่งอำนาจในเรื่องที่ผู้แสดงค่อนจะมีความเหี้ยมโหดกันนะครับ

The Croods: A New Age เดอะ ครู้ดส์ 2 เป็นหนังการ์ตูนภาคต่อจาก The Croods ที่ออกฉายเมื่อปี 2013 ที่จริงผมก็จำรายละเอียดของภาคแรกมิได้เป๊ะๆแต่ว่านึกออกว่าหนังมันดีเยี่ยม บันเทิงใจมากมาย และก็ได้แง่คิดแจ๋วๆจากหนังประเด็นนั้น ทำให้ต้องการมองภาคต่อพอเหมาะพอควร ในส่วนของภาคนี้นั้น รายละเอียดจัดว่าต่อยอดจากภาคที่แล้วเจริญ หากแม้พวกเราจะลืมภาคแรกไปเล็กน้อย แต่ว่าใน The Croods: A New Age ราวกับย้ำเตือนพวกเราด้วยบางความประพฤติปฏิบัติของนักแสดง ให้รำลึกถึงสิ่งที่เคยกำเนิดในภาคก่อน รวมทั้งโน่นทำให้นี่เป็นหนังซึ่งสามารถมองได้ทั้งคนที่เคยมองภาคก่อน และไม่เคยมอง เพราะเหตุว่าหนังย่อยง่ายดายๆและก็ยังเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน

นอกเหนือจากนั้น The Croods: A New Age ยังมีงานภาพที่งามมากมาย ดีไซน์ติดอยู่แรกเตอร์สัตว์ต่างๆได้ประหลาดตา แล้วยังดูดี รวมทั้งเสียดสีคละเคล้าให้แง่คิดหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเกี่ยวกับโลกช่วงปัจจุบัน หรือ แม้กระทั้งทัศนคติต่อความสบายสบาย ความปลอดภัยที่พวกเราได้รับ ไปจนกระทั่งผลพวงต่อสภาพแวดล้อม โดยรวม The Croods: A New Age เป็นหนังภาคต่อที่ผมมีความรู้สึกว่าทำออกมาได้น่าประทับใจ เด็กมองได้ คนแก่ดูดี ถึงแม้ว่าหนังการ์ตูนจะดำเนินเรื่องเสมือนเป็นหนังสูตร แม้กระนั้นมันก็ออกมาดี สนุกสนาน แล้วก็ได้แนวความคิดหรือมุมมองอะไรดีๆข้างหลังดูจบ

เรื่องย่อ เดอะครู้ดส์ ตะลุยโลกใบใหม่

ครอบครัวก่อนประวัติศาสตร์กลุ่มแรกที่ออกเดินทางท่องโลกเพื่อหาสถานที่ที่ปลอดภัยพอที่พวกเขาจะเรียกว่าบ้าน ไม่นานพวกเขาก็ค้นพบสวรรค์ที่มีกำแพงล้อมรอบ และคิดว่าปัญหาของเขาหมดไปแล้ว แต่ปัญหาก็คือมีครอบครัวนึงอาศัยอยู่ที่นั่นแล้ว พวกเขาอยู่บนลำดับขั้นที่สูงกว่าเหล่า Croods และพวก Croods ก็ได้เป็นแขกรับเชิญคนแรกของโลก ในบรรดาหนังแอนิเมชั่น ค่ายดรีมเวิร์คส์แอนิเมชั่น ผมนี่คอยภาคต่อของ The Croods 2013 อย่างมากมายว่าเมื่อไรจะมาซักหน เนื่องจากส่วนตัวเองออกจะหลงใหลหนังเรื่องที่ ที่มิได้มีดีเพียงแค่ความขำขันแม้กระนั้นมันยังแถมท้ายด้วยการส่งต่อความรู้ความเข้าใจ ความแย่ใยของความสัมพันธ์ครอบครัว เป็นอนิเมชันของดรีมเวิร์คส์ อันดับหนึ่งที่ผมชูตำแหน่งให้เลย โดยที่เวลานี้ผ่านมา 7 ปี แก๊งค์เดอะครู้ส ได้กลับมาอีกที

เรื่องราวในภาคนี้ก็สืบต่อการเดินทาง ภายหลังที่ครอบครัวครู้ส ได้หลุดพ้นออกมาจากกรอบเดิมๆ(ที่ถูกใจอาศัยอยู่แต่ว่าด้านในถ้ำ) ได้เริ่มเดินทางเพื่อค้นหา วันพรุ่ง สถานที่ๆเต็มไปด้วยความคาดหวัง ของกิน รวมทั้งความปลอดภัย เหมาะกับการลงหลักปักฐาน ให้เป็นบ้านจริงๆของครอบครัวนี้ซักหน โดยในกลางทางก็ได้เผชิญกับสัตว์ร้ายต่างๆมาก แม้กระนั้นก็ทั้งผองก็รวมพลังเอาชีวิตรอดมาจนได้มาพบกับกำแพงไม้อันใหญ่มหึมา ที่ซึ่งเพียงพอผ่านข้างหลังกำแพงไป เป็นดินแดนที่แสนสมบูรณ์บริบูรณ์ รวมทั้งไม่มีอันตราย เป็นที่ๆเสมือน วันพรุ่ง ในอุดมคติเป็นที่สุด แต่ว่าดินแดนนี้ก็มีอีกครอบครัวนึงเป็นเจ้าของอยู่แล้ว เป็นครอบครัวดีงาม (ผู้ซึ่งเป็นครอบครัวแรกที่เริ่มต้นการทำฟาร์มต่างๆเลี้ยงตัวเอง) และก็เหล่าครอบครัวครู้สจะต้องศึกษาที่จะปรับนิสัยดำรงชีวิตสไตล์ใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

จะว่าไปแล้วการกลับมาของครอบครัวครู้สคราวนี้ ออกจะที่จะไม่เสมือนที่คาดหวังไว้ซักเท่าไหร่ ด้วยเหตุว่าด้วยที่ภาคแรกนั้นมีความกลมกล่อมสำหรับเพื่อการเล่าอย่างยิ่ง สลับกันในภาค 2 นี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงโทนการเล่าเรื่อง ที่สองเท่าความ “กาว” รวมทั้งบุ่มบ่ามของตัวบทเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวละครใหม่ สัตว์ดึกดำบรรพ์ใหม่ๆที่เกินคาดถึงจริงๆแต่ว่าก็ยังดีที่ความ กาว ที่ใส่เข้ามา มันทำให้ตัวหนังไม่ซ้ำทางเดิมรวมทั้งยังคงความเพลิดเพลิน ความฮาในแบบที่ภาคแรกก็ยังทำเป็นไม่ถึง แปลงเป็นผมค่อนข้างจะที่จะประทับใจในภาคนี้อยู่ไม่น้อย

ภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump (1994) ฟอร์เรสท์ กัมพ์ อัจฉริยะปัญญานิ่ม เปิดเรื่องราวมาที่ ฟอเรสท์ กัมพ์ เด็กผู้ชายที่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกกับความฉลาดทางสติปัญญาแค่เพียง 75 ซึ่งก็น้อยอยู่ดีจนถึงเขาจำต้องไปเรียนสถานศึกษาเด็กพิเศษหรือที่บางบุคคลเรียกว่า เด็กออทิสติก แม่ของเขาอุตสาหะทำทุกทางจนถึงฟอเรสท์ ได้เรียนสถานศึกษาธรรมดาราวกับเด็กคนอื่นแต่ว่าเพราะที่ความฉลาดทางสติปัญญาน้อย เขาก็เลยแปลงเป็นผู้ที่ชอบมองโลกในแง่ดีอยู่เป็นประจำ ไม่มีสมองที่สลับซับซ้อน กลับคิดอะไรเป็นระบบในหัว รวมทั้งสิ่งพวกนี้เองที่ทำให้ไม่ว่าเขาจะคิดจะทำอะไรก็ได้ดีไปเสียทั้งหมดทุกอย่าง ไปไกลถึงขั้นที่คนเดินดินยังไม่อาจจะไปถึง แล้วเรื่องราวของฟอเรสท์จะเป็นเยี่ยงไร จำเป็นต้องติดตามดูทาง Netflix กับภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump (1994) ฟอร์เรสท์ กัมพ์ อัจฉริยะปัญญานิ่ม

เนื้อเรื่องย่อ Forrest Gump 

ฟอเรสท์ กัมพ์ ชายที่เกิดมากับความฉลาดทางสติปัญญาต่ำ แต่ว่าในช่วงชีวิตของเขากลับได้เดินทางเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของตอนเหตุสำคัญต่างๆในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการสู้รบเวียดนาม ภารกิจปราบพระจันทร์ รวมทั้งได้ทำในทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่ไม่มีผู้ใดมีความรู้สึกว่าเขาจะทำเป็น ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดขึ้นมาด้วยความฉลาดทางสติปัญญา 75 แม้กระนั้นโน่นก็ดูเหมือนกับว่าจะมิได้เป็นอุปสสรคสำหรับการดำเนินชีวิตของเขาอะไร เนื่องจากว่าวิถีการใช้ชีวิตของเขานั้นเปลี่ยนมาเป็นแรงผลักดันให้กับผู้คนได้มากมาย

นักแสดงนำ

• ทอม แฮงส์ รับบท ฟอร์เรสท์ กัมพ์
• โรบิน ไรท์ เพนน์ รับบท เจนนี่ เคอร์แรน กัมพ์
• แกรี่ ซินิส รับบท นายร้อย แดน เทย์เลอร์
• มายเคลตี วิลเลียมสัน รับบท เบนจามิน บูฟอร์ด บลู (บับบา)
• แซลลี ฟิลด์ รับบท นางกัมพ์ (มารดาของฟอร์เรสท์)

รีวิวและความประทับใจจากหนัง

หนังได้สอนให้พวกเรารู้จักศึกษา แล้วก็ทำใจสารภาพกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งพวกเราเป็นไปไม่ได้ทราบว่าชีวิตพวกเราจึงควรพบเห็นกับอะไร สิ่งที่พวกเราควรจะทำเป็น ทำสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหน้าให้เหมาะสมที่สุด ไม่สมควรมุ่งหวังไว้ว่ามันควรจะเป็นแบบนั้นอย่างงี้ และไม่น่าจะไปยึดติดกับความนึกคิดด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินความจำเป็น ไม่สมควรเอาตนเองไปผูกมัดกับอะไรต่อมิอะไร เหมือนกันกับ กัมพ์ เขาไม่เคยยึดติดกับจุดหมาย กัมพ์ไม่ทราบว่าชีวิตของตนเองจะคืออะไร แต่ว่าเขาจะจุดโฟกัสไปกับสิ่งที่เขาประสบพบเห็นรอบข้าง เพียงแค่ทำสิ่งที่ต้องการทำ ทำไปแบบเรื่อยๆ ทำไปเรื่อยหากอ่อนล้าก็พัก รวมทั้งเขาเป็นสุขไปกับสิ่งที่เขาพบเห็นอยู่ตลอด กัมพ์เป็นผู้ที่เป็นสุขในทุกช่วงชีวิต ไม่ว่าเหตุการณ์จะไม่ดีเพียงใด เขาก็เป็นสุขได้จากการมองโลกในด้านดี กัมพ์เป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ใน “ตอนนี้” แม้สิ่งที่เขากำลังทำล้มเหลว เขาก็ไม่เคยรู้สึกเสียดาย ด้วยเหตุว่า อย่างต่ำเขาก็ได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการทำ

หนังยังชี้ให้เห็นถึง แนวคิดสำหรับในการดำเนินชีวิตที่ “ต่างกัน” จากกัมพ์ นั้นเป็น นักแสดงอย่าง หมวดดินแดน แล้วก็เจนนี่ (หญิงที่กัมพ์ตกหลุมรัก) ที่เป็นผู้แทนของ การยึดชิดกับความฝัน และก็จุดหมายปลายทางอันสูงสุด ต้องการตายในสนามรบ ต้องการเป็นนักร้องมีชื่อ ทำเช่นไรก็ได้ เพื่อตนเองไปถึงความฝัน รวมทั้งจุดหมายปลายทางอันสูงสุดให้เร็วที่สุด โดยไม่สนใจสิ่งที่อยู่บริเวณพวกเขาใส่ความสุขในชีวิตได้ยาก หรือบางทีอาจปราศจากความสุขเลย รวมทั้งความสบายของเขาจะเกิดขึ้นก็เมื่อ เขาประสบผลสำเร็จแล้ว ฉะนั้นแม้สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ ดันล้มเหลวขึ้นมา เขาจะมีความคิดว่าชีวิตของตนไม่มีค่ามากมาย เนื่องจากกระทำตามจุดมุ่งหมายไม่เป็นผลสำเร็จ แม้กระนั้นเพียงพอจุดหมายล้มเหลว รวมทั้งยึดติดกับความบกพร่องนั้นตลอดกาล กดตนเองให้ต่ำ

ตลอดทั้งเรื่อง ฟอร์เรสท์เกือบจะไม่เคยตั้งปัญหากับสิ่งใดๆที่เกิดขึ้น ตราบจนกระทั่งเจนนี่กลับมาหาพร้อมด้วยลูกชาย ‘ลิตเติลกัมป์’ ปฏิกิริยาแรกที่เกิดขึ้นอยู่กับเขาไม่ใช่ความระทึกใจที่กำลังจะได้เป็นคุณบิดามือใหม่ หรือความข้องใจว่านั่นใช่ลูกของเขาจริงๆหรือไม่ ปัญหาเดียวที่ฟอร์เรสท์ถามขึ้นมามีเพียงแต่ “เขาเป็นราวกับผมหรือไม่” เป็นปริศนาจากคนความฉลาดทางสติปัญญาต่ำที่มีความฉลาดทางอารมณ์เยอะที่สุด เพราะว่าสิ่งที่เขาคิดเพียงสิ่งเดียวขณะนั้น เป็นความ ‘เป็นห่วง’ ลูกคนนี้ ไม่มีสมองอื่นแฝงอยู่แม้แต่น้อย

แล้วก็เมื่อฉากท้ายที่สุดจบลง ขนสีขาวเริ่มลอยไปตามลมอีกที และก็ทำให้หนังเรื่อง Forrest Gump ประสบผลสำเร็จอีกทั้งในด้านรางวัลซึ่งสามารถปัดกวาดรางวัลออสการ์ในปี 1995 (ที่มีหนังอย่าง Shawshank Redemption และก็ Pulp Piction) เข้าชิง รวมถึงทำรายได้ไปทั่วทั้งโลกได้มากถึง 677.9 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างเพียง 55 ล้านเหรียญสหรัฐ แล้วก็แปลงเป็นหนึ่งในหนังคลาสสิกที่อยู่เหนือยุคสมัยมาตลอดเวลา 24 ปี

หนังรักเร่าร้อน หนังรักสุดรุนแรง ที่ผู้แสดงเลนเองจริงๆไม่ใช้แสตนอินสำหรับในการเล่น ทำเพื่อผู้ชมหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยครับผม เพื่อรู้เรื่องเหมือนจริง แต่ว่าบอกก่อนว่า หนังแนวนี้นั้น ไม่ค่อยจะเอามาฉาย ในไทยพวกเราสักเท่าไหร่นัก ต้องหามองกันแบบออนไลน์นะครับ ถึงจะพอใช้มองอยู่บ้าง มันจัดอยู่ในหมวด หนังอีโรติก ในเนื้อหานี้ พวกเราเลยจะมากล่าวถึงเรื่อง หนังแนวนี้กันขอรับ

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า หนังอีโรติก18+ จากทางด้านตะวันตกนั้น จะมีรายละเอียดที่เกี่ยวกับ เรื่องของความรัก ที่มีสือความร้อนแรง ออกมาอย่างยิ่ง และก็หนังก็จะแสดงออกมา ได้แบบมองเหมือนจริงเอามากๆแต่ว่ามากน้อยแค่ไหน ก็ตามทีละเรื่องครับผม แม้กระนั้นที่แน่นอนเลยครับผม ฉากจูบแบบซาบซึ้ง จะต้องมีในเรื่อง เพราะว่าเป็นเบสิคเลยขอรับ สำหรับหนังแนวนี้ แต่ว่าที่มันมีอีกอย่างเป็นจุดขายเลย เป็นฉากของการ มีเซ็กส์ การร่วมเพศ ที่ถ่ายทอดออกมาก็จะ สุดแต่หนังแต่ละเรื่องนะครับ

5 หนังเลิฟซีนร้อนแรง หนังรักร้อนแรง

1. Nymphomaniac

ใน Nymphomaniac หนังเรื่องล่าสุดของเขา เราได้ตามติดแต่ละช่วงเวลาของชีวิตของ “หญิงร่าน” ผู้หนึ่งนามว่าโจ (รับบทโดยชาร์ล็อตต์ แก็งสบูร์ก และในวัยสาวรับบทโดยสเตซี่ย์ มาร์ติน) โดยผ่านการบอกเล่าจากปากของเธอให้อีกบุคคลหนึ่งฟัง นั่นคือ เซลิกมัน (รับบทโดยสเตลลาน สคาร์สการ์ด) ชายสูงวัยผู้ไปพบเธอนอนสลบไสลจากการถูกซ้อมจนอ่วมไปทั้งตัวอยู่ในตรอกข้างทางระหว่างที่เขาเดินออกไปซื้อของเล็กๆน้อยๆที่ร้านค้าแถวบ้าน และนำเธอมาพักที่บ้านของเขา เรื่องราวที่เธอเล่านั้นเริ่มต้นตั้งแต่โมงยามแห่งวัยเด็กของเธอครอบคลุมมาจวบจนถึงปัจจุบันซึ่งก็จะย้อนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นของหนังนั่นเอง

2. Blue Is the Warmest Color

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉากเซ็กส์จะแปลงเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังแนว Coming-of-age เหมือนกับ Blue Is the Warmest Color ที่เสนอหัวข้อนี้ว่าคือเรื่องปกติของชาวเลสเบี้ยน แม้กระนั้นถึงแม้ว่าฉากเลิฟซีนจะเกิดขึ้นระหว่างหญิงกับเพศหญิง แม้กระนั้นความเผ็ดร้อนก็ทำเอาชายจริงหญิงแท้ขวยเขินได้มากแบบเดียวกัน หนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจและดัดแปลงเนื้อหามาจากนิยายภาพของ จูลี มาโรห์ ซึ่งเรื่องราวของหนังกล่าวถึง อเดล เด็กสาวอายุ 15 นักเรียนไฮสคูลที่ยังไม่รู้จักความรักที่แท้จริง จนเมื่อเธอเริ่มที่ค้นหาความหมายของมัน เธอก็ได้รู้จักกับ โธมัส ชายหนุ่มที่เพื่อนๆของเธอบอกว่าเขาแอบมองเธอมานาน ทั้งสองคบกัน ออกเดทกัน ดูหนังกัน ไปเที่ยวด้วยกัน จนความสัมพันธ์ลงเอยที่เตียงนอน เพราะเธออยากรู้ว่า ความรู้สึกทางเพศที่เธอมีต่อผู้ชาย ใช่ความรักที่เธอเฝ้าตามหาหรือไม่ แต่คำตอบที่ได้ก็คือ ไม่ใช่ และความสัมพันธ์ของทั้งสองก็จบลงทันทีด้วยการบอกเลิกของอเดล

3. Lie with me

Lie with me สายสัมพันธ์รัก ไม่บางทีอาจขาดคุณ หนังที่พูดถึง ความเกี่ยวเนื่องของผู้ที่ป่วยไข้ ชายหญิง ที่อยากเรื่องเซ็กส์ เพื่อปล่อยอารมณ์ ซึ่งในวันหนึ่งผู้ที่ไม่เคย คิดจะรักคนไหนนั้น ก็กลับหลงรักซะงั้น รวมทั้งเค้าไม่สามารถ หยุดความรู้สึก ของตัวเค้าเองได้ขอรับ เนื่องจากว่าเมื่อกำเนิดรัก แต่ว่าในความไม่ลงรอยกันของอารมณ์ ที่เกิดความหวาดกลัวขึ้นมานั่นเอง ประเด็นนี้นั้นมีฉากสุดรุนแรง มีฉากเลิฟซีน ที่มีลีลาท่าทางสุดรุ่มร้อน จนกระทั่งผู้ชมต่างก็สงสัย เพราะเหตุใดเล่นได้เหมือนจริงจังหว้า บอกเลยว่านักแสดง ทุกคนนั้น รู้สึกตัวเองอยู่แล้วขอรับ เหมือนจริงซะขนาดนั้น

4. The Brown Bunny

The Brown Bunny เรื่องราวของ บั๊ด เคลย์ หนุ่มนักแข่งมอเตอร์ไซต์ ที่เค้านั้น ออกเดินทางข้ามรัฐ แต่เป็นช่วงที่ จิตใจไม่ดีนัก ตัวเค้าด้วยความดังระดับโลก เค้าก็เจอสาว ๆ มากมาย แต่ก็เพียงเพื่อระงับ อารมณ์ทางเพสเท่านั้น จากหญิงสาวคนเดียว ที่ชื่อว่า เดซี่ ที่เป็นแฟนเก่าของเค้าครับ หนังรัก18+ ไม่ได้มาฉากที่เอาน้องใส่ไป เหมือนกับหนัง ที่ยกมาเรื่องอื่นครับ แต่ว่าก็มีฉากเด็ด ที่ดังไม่แพ้กันอย่าง ฉากการใช้ปากช่วย หรือที่เรียกว่าการทำ ออรัลเซ็กส์ บวกกับความช่ำชอง ของตัวเอกอย่าง วินเซนต์ กัลโล ที่ออกมาบอกว่า ในหนังเรื่องนี้นั้น เค้าแสดงกันจริงในฉากฮือฮานั้น เพื่อความสมจริงขึ้น ของหนังนั่นเองครับ

5. Fifty Shades of Grey

สาวน้อยวัยมันส์ไม่รู้เดียงสาอย่างแอนาจำเป็นต้องตะลึงงันเมื่อรู้สึกตัวว่าคุณมุ่งหมายชายผู้นี้ และก็ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนเก็บตัวจนกระทั่งน่าสงสัย คุณกลับได้มาพบว่าตัวเองตัวเองต้องการสนิทสนมเขาจนกระทั่งข่มใจไม่ไหว คริสเตียนเองก็เช่นเดียวกัน เขาไม่บางทีอาจยับยั้งใจจากความสวยสดงดงามอันเรียบง่าย เชาว์สติปัญญาคม และก็จิตใจที่คร่ำครวญหาอิสระของแอนา ก็แค่เขาอยากได้คุณในแบบของเขาเอง แม้ว่าจะกลุ้มรุมไปด้วยการบรรลุเป้าหมายมากไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งในด้านธุรกิจระดับโลก ความมั่งมีมากมาย และก็ครอบครัวหวานใจต้องการเขา แม้กระนั้นเกรย์ก็ยังเป็นชายที่ถูกอดีตกาลตามหลอก และก็อยากเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่ง แอนาช็อกแล้วก็ตื่นเต้นในเวลาเดียวกันกับรสนิยมทางเพศในแบบของเกรย์ แม้ว่าจะกำเนิดโลเลขึ้นมา แต่ว่าคุณก็ตกลงใจจะเปิดโอกาสเขา แม้กระนั้นเมื่อทั้งสองออกเดินทางไปด้วยกันกันในทางที่อันตรายแล้วก็เต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม แอนาก็ศึกษาค้นพบความลับของคริสเตียน เกรย์ และก็ได้ตรวจสอบอารมณ์ดำฤษณาที่อยู่ในใจตน